ฟันธง การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ : ทำไมเครื่องฟอกอากาศจึงจำเป็นสำหรับคน เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ในปี 2019

ถ้าท่านอาศัยอยู่ในจังหวัดภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอนไม่อยากอายุสั้นต้องอ่าน

ทำไมเครื่องฟอกอากาศจึงสำคัญ ในปี 2019

ค่าอากาศปีนี้ มันแย่มากและต่อเนื่องยาวนาน กว่าทุกปีทำให้เราต้องปรับตัว

คือปีก่อน ๆ ค่าคุณภาพอากาศอยู่แถว 200 ไม่กี่วันหรืออาทิตย์ 2 อาทิตย์ก็เจอฝนหายไป

แต่ปีนี้มันไม่ใช่แล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งขึ้นไปถึง 400 แล้วนี่มันขั้นอากาศเป็นพิษเลยนะครับ

อากาศนี่เราสูดเข้าไปตลอด 24 ชั่วโมง หลีกหนีไปไหนก็ไม่ได้ ปิดบ้านก็เล็ดรอดเข้าไปได้เพราะอนุภาคเล็กมาก

ช่วงที่ค่าอากาศขึ้นไปถึง 400 ผมลองติดแผ่นกรองที่แอร์ วันเดียว ดำเลย ทำให้ผมรู้ว่า เฮ้ยนี่มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ละ เพราะนี่วันเดียว ถ้าอยู่แบบนี้ 2 – 3 วันโดยไม่มีเครื่องกรองนี่แย่เลย

 

 

ผมเลยเริ่มเปิดเครื่องกรองอากาศอย่างจริงจัง ที่บ้าน ก่อนหน้านี้เปิดบ้างไม่เปิดบ้าง

รวมถึงทำเครื่องฟอกอากาศในรถใช้เอง

 

เครื่องฟอกอากาศในรถที่ผมทำเองด้วยงบ 200 บาท ใช้ไปประมาณ 3 อาทิตย์ ขนาดผมใช้รถน้อย ยังดำขนาดนี้

ผมก็เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ใคร ๆ ก็รู้เห็นเพื่อน ๆ .ใน facebook แชร์ค่าคุณภาพอากาศกัน ที่ไหนได้

คนรอบตัวผม เพื่อน ๆ บางคน หรือเพื่อนบ้าน ยังไม่มีเครื่องฟอกอากาศใช้เลย

ผมเลยว่ามันไม่ได้ละ

คือมันไม่เห็นผลทันทีสำหรับบางคน แต่มันกระทบระยะยาว เพื่อนฝรั่งบอกว่าสถิตของคนเป็นมะเร็งปอดที่เชียงใหม่นี่สูงกว่าภาคอื่น

ปีก่อน ๆ ค่าประมาณ 150 – 200 เพียงไม่กี่อาทิตย์ แต่ปีนี้เป็นมาจะเกือบ 2 เดือนแล้ว และมีช่วงที่ขึ้นสูงสุดทะลุ 400 นี่น่าเป็นห่วงมาก

หาซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้กันเถอะ ถึงปีนี้อาจจะใกล้จะผ่านไปแล้ว ปีหน้าก็ยังใช้ได้

 

ต้องรู้ก่อนใช้เครื่องฟอกอากาศ

แต่ก่อนจะไปเลือก อยากบอกก่อนว่า

ถ้าบ้านท่านเป็นบ้านไม้หรือมีช่องให้อากาศภายนอกเข้าตลอด อาจจะต้องหาทางปิด ให้บ้านสามารถปิดมิดชิดไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาได้ เพราะเครื่องฟอกอากาศ มีหลักการว่า

ถ้าเป็นห้องหรือบ้านระบบปิด มันจะฟอกจนสะอาด แล้วมีอากาศภายนอกเข้ามานิดหน่อยก็ค่อย ๆ ฟอกไปก็จะสะอาดตลอด แต่ถ้ามันเป็นที่เปิดโล่ง มันฟอกไม่ทัน เดี๋ยวฝุ่นจากภายนอกก็เข้ามาเรื่อย ๆ ค่าฝุ่นก็จะไม่ลด

อีกทางหนึ่งคือหาสักห้องหรือส่วนหนึ่งของบ้านที่พอปิดมิดชิดไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาได้ได้หรือเข้ามาให้น้อยที่สุด แล้วก็พยายามใช้ชีวิตบริเวณนั้นเป็นหลักก่อนในช่วงนี้

 

ฟันธงเลือกเครื่องฟอกอากาศกัน

 

1. Xiaomi mi air purifier 2s

คือถ้าบ้านมีฐานะ ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ ผมฟันธง ซื้อ Xiaomi รุ่น 2S มาก่อนเลย 1 ตัว 1 ห้อง จบ

แต่ถ้าจะประหยัดก็ซื้อมาตัวเดียวใช้ทั้งบ้านก็ได้ แต่ต้องคอยขนย้ายไปตามห้องที่เราอยู่ คือ อยู่ห้องนั่งเล่นก็ขนมาใช้ ขึ้นไปนอนก็ยกไปห้องนอนด้วย อย่าลืมว่าราหายใจตลอด 24 ชั่วโมง

ตัวนี้ถ้าเป็นเมนูภาษาอังกฤษ โดยตัวแทนในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 5,500 บาท +- 500 แล้วแต่ร้าน แต่ถ้าเป็นเมนูจีน นำเข้าโดยร้านในไทย จะอยู่ประมาณ 5000 บาท +-500 บาท ต่างกันที่การรับประกัน กับเมนู คือเครื่องจีนบางร้านรับประกันแค่ไม่กี่เดือนซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับร้าน (ผมซื้อร้านนี้ https://invol.co/cleuh7 ให้เพื่อนบ้านก็ใช้ได้เลยครับ สั่งคืนวันอาทิตย์ วันพุธบ่ายได้ หรือถ้าใครจะเลือกเองก็ตาม link นี้ได้เหมือนกัน https://invol.co/cleuh9 )

จุดเด่นตัวนี้คือ ราคาประหยัด พัดลมแรงและเงียบ ที่สำคัญคือมีตัววัดค่าฝุ่นให้ด้วย บอกค่า pm2.5 อยู่หน้าเครื่องเลย ไม่ต้องคิดมาก ห้องใหญ่แค่ไหนไม่เป็นไร เอามาตัวหนึ่ง ใช้แล้ววัดดูว่า เอาอยู่หรือเปล่า ถ้าเอาอยู่ก็จบ ถ้าค่าฝุ่นไม่ลดในระดับที่พอใจก็ไปซื้อมาเพิ่มได้

ค่าคุณภาพอากาศถ้าง่าย ๆ จะดูที่ค่า pm 2.5 ถ้า 100 นี่ก็จะประมาณปีก่อนก็ ก็บ่นกันละ แต่ปีนี้ทั้งเดือนอยู่แถว ๆ 200 นี่มันไม่ดีละ

เพราะว่า คือถ้าข้างนอก 200 เนียะ ในบ้านมักจะประมาณ 80 – 100 ทีนี้ถ้าเป็นปีก่อน ๆ มัน 200 อยู่อาทิตย์หนึ่งก็พอทน แต่ปีนี้มันอยู่มาจะเดือนละ

แล้วบางช่วงมันขึ้น 400 นี่ต้องมีเครื่องฟอกอย่างเดียวเลยครับ

2. เครื่องฟอกอากาศ จากจีน 

ถ้าใครงบจำกัดไม่อยากจ่ายแพงแนะนำตัวนี้ประมาณ 2000 กว่าบาทมีหลายร้านลองเลือกดูครับ ราคาตั้งแต่ 2000 – 3000 ( https://invol.co/cleunv  หรือ https://invol.co/cleuqh หรือ https://invol.co/cleuqi)  ถ้า link ไม่อยู่แล้วก็เลือก ที่หน้าตาประมาณเดียวกันได้ครับ

ส่วนตัวผมไม่เคยเห็นเครื่องหรือสั่งมาใช้เอง แต่คิดว่า ลักษณะและ spec จะใกล้กับยี่ห้อ Hatari ที่ราคาเกือบ 5000 บาท

ที่เจ๋งคือ มี meter pm 2.5 มาให้ด้วย มี option ให้เลือกเยอะ

แต่……เท่าที่อ่านรีวิว คือ meter มันวัดไม่ค่อยตรง กับ พัดลมเสียงดังซึ่งน่าจะดังพอ ๆ กับเครื่อง Hatari ที่ผมมีใช้อยู่ 1 ตัว

ถ้าจะด้อยอีกเรื่องก็คือ หาจจะหาแผ่นกรองลำบาก คงต้องสั่งจากเน็ตอย่างเดียว เมื่อเทียบกับ Hatari ที่น่าจะหาง่ายกว่า

แต่เท่าที่ผมดูคือ มันขายไปเยอะ อีกหน่อยก็น่าจะหาง่ายอยู่ ที่แย่อีกอย่างคือช่วงนี้ของหมดบ่อย ๆ

3. ทำเครื่อง D.I.Y. (Do it your self)  ใช้เอง

คือถ้าประหยัดขึ้นมาหน่อย คือ DIY นั้นเอง ซึ่งหาคลิบดูได้ตามนีั ซึ่งผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่สายชอบโม ชอบเล่น เพราะงบจะอยู่ประมาณ พันต้น ๆ แต่มีความเสี่ยงตรงเรื่องซื้อของสั่งของมาแล้วใช้ได้ไหม ต้องโมอะไรเพิ่มหรือเปล่า

นอกจากนี้ทำเสร็จแล้ว มันอาจจะไม่สมบูรณ์ หรือต้องปรับแต่ง ซึ่งถ้าเราไม่มีเครื่องวัด มันก็อาจจะไม่แน่นอนว่าทำแล้วใช้ได้จริง เต็มประสิทธิภาพที่ควรจะเป็น ยิ่งทำให้คนแก่หรือเด็กแล้วมันจะ มีข้อกังวลเรื่องสายไฟและความปลอดภัยบ้าง คือ ถ้าไม่มีเครื่องราคาแค่ 2 พันในข้อ 2 นี่จะแนะนำให้ทำ D.I.Y เพราะ เมื่อเทียบกับเครื่องข้อ 2 เพิ่มเงินอีกนิดเดียว มันจบ เครื่องถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ ซึ่งจะสะดวกปลอดภัยกว่า

4. D.I.Y. โดยประยุกต์ใช้ พัดลมหรือสิ่งของที่มีในบ้าน

สุดท้ายที่อยากแนะนำให้ DIY จริง ๆ คือ ทำความเข้าใจหลักการแล้ว เรามองหาของรอบตัว พัดลมเก่า พัดลมไอเย็นในบ้าน แล้วเอามาโมใช้ใส่แผ่นกรองฝุ่น (หาเลือกซื้อได้จาก link นี้ https://invol.co/cleuo8 ) แม้บางทีมันจะลดค่าฝุ่นได้ไม่ต่ำมาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย โดยดูได้จากคลิบที่เพื่อนผม คุณอาร์ตทำไว้ครับ

 

สรุปสุดท้าย 

ตัั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไป ทุกบ้านในภาคเหนือ โดยเฉพาะ เชียงใหม เชียงราย แม่ฮ่องสอน ควรจะมี

  1. ห้องในบ้านที่สามารถปิดมิดชิดไม่ให้อากาศภายนอกเข้าไปอยู่ตลอดเวลา
  2. มีเครื่องฟอกอากาศ หรือตัดแปลงพัดลมเพื่อให้ฟอกอากาศได้ใช้งาน
  3. พยายามอยู่ในห้องที่ปิดมิดชิดและเปิดเครื่องฟอกอากาศ หากค่าคุณภาพอากาศสูงกว่า 200 / ถ้าให้ปลอดภัยควรเปิดตั้งแต่ช่วงที่สูงกว่า 100
  4. ช่วยกับรักษาตัวหลีกเลี่ยงมะเร็งปอดกันครับ คุณภาพอากาศที่ต่ำไม่เห็นผลในทันทีกับหลาย ๆ คนแค่รำคาญ แต่ส่งผลในระยะยาวครับ

 

ปล. link ร้านหรือเครื่องที่แนะนำผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ แนะนำจากความคิดเห็นของผมเอง แต่ link เป็นแบบ affiliate คือถ้าท่านซื้อของผ่าน link นี้ผมอาจจะได้ค่าขนมนิดหน่อย เป็นการกำลังใจในการเขียนบล๊อคของผม

Facebook Comments